วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

เสน่ห์เมือง “แม่กลอง” มาแล้วต้องติดใจ

เสน่ห์เมือง “แม่กลอง” มาแล้วต้องติดใจ 


                           วิถีชีวิตอันสงบงามของคนสมุทรสงคราม 


 “สมุทรสงคราม” เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย ทั้งจังหวัดมีเพียง 3 อำเภอ เท่านั้น คืออำเภอเมือง อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่หากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวแล้วนับว่ามีมากมายผกผันกับขนาด อีกทั้งยังอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียว เดินทางไปได้สะดวก แถมเที่ยวได้ทุกฤดูไม่ว่าฝนตกหรือแดดออก สมุทรสงครามในวันนี้จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในวันสุดสัปดาห์ที่หลายๆ ติดใจในเสน่ห์และวิถีชีวิตของคนเมืองนี้


                        เรือนทรงไทยในอุทยาน ร.2 
       
       “เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม” คือคำขวัญของจังหวัดสมุทรสงคราม หรือที่มักถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เมืองแม่กลอง” เพราะมีแม่น้ำแม่กลองไหลผ่านเป็นดังเส้นเลือดใหญ่ของจังหวัด อีกทั้งยังมีคลองสาขาแยกย่อยอีกกว่า 300 สาย และมีลำกระโดง (คลองซอย) แตกแขนงไปอีกเกือบ 2,000 สาย กระจายทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัด ทำให้สมุทรสงครามเป็นเมืองเกษตรกรรม เต็มไปด้วยเรือกสวนไร่นา โดยในอดีตบริเวณนี้เรียกว่าเป็น “สวนนอก” (ส่วน “สวนใน” คือบางกอกหรือกรุงเทพฯปัจจุบัน)





   จังหวัดนี้มีความสำคัญตรงที่เป็นสถานที่ประสูติของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้มีพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งในด้านศิลปะ ในรัชสมัยของพระองค์ถือเป็นยุคทองของวรรณคดีไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงเป็นกวีเอกและทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้หลายเล่มด้วยกัน เช่น รามเกียรติ์ตอนลักสีดา วานรถวายพล พิเภกสวามิภักดิ์ สีดาลุยไฟ พระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนา ฯลฯ พระองค์จึงทรงได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก


                                                       หลวงพ่อบ้านแหลม พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแม่กลอง 
       
       สำหรับ “อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย” หรือ “อุทยาน ร.2” นั้น สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแก่พระองค์ผู้พระราชทานศิลปวัฒนธรรมอันงดงามไว้เพื่อเป็นมรดกแก่ชาติไทย บริเวณที่ตั้งอุทยาน ร.2 นี้ เชื่อว่าเป็นนิวาสถานดั้งเดิมของพระองค์ ภายในอุทยานมีโรงละครกลางแจ้ง และมีอาคารทรงไทยที่จัดเป็นพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด 
   เมืองแม่กลองยังเป็นถิ่นกำเนิดของศิลปินอีกหลายท่าน โดยเฉพาะนักดนตรีที่ล้วนแล้วแต่สร้างผลงานฝากไว้ในแผ่นดินมากมาย อาทิ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ หรือ ศร ศิลปบรรเลง ที่คนไทยได้รู้จักเรื่องราวของท่านผ่านภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” ครูเอื้อ สุนทรสนาน ผู้ก่อตั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์อันคลาสสิค และ ทูล ทองใจ นักร้องเสียงทองเจ้าของเพลง “โปรดเถิดดวงใจ” ที่ยังคงความไพเราะไม่เสื่อมคลาย โดยทั้งสามท่านเป็นคนอัมพวาเหมือนกัน 
    สำหรับใครที่เดินทางมายังเมืองแม่กลอง ไม่ควรพลาดที่จะมาสักการะพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง คือ “หลวงพ่อบ้านแหลม” ประดิษฐานอยู่ภายในวัดบ้านแหลม หรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เป็นพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสุโขทัย-อยุธยาตอนต้น หลวงพ่อบ้านแหลมนี้เป็นหนึ่งในพระพุทธรูป 3 พี่น้อง คือหลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อโสธร และหลวงพ่อวัดเขาตะเครา แต่บางความเชื่อก็เชื่อว่าเป็นพระพุทธรูป 5 พี่น้องคือรวมเอาหลวงพ่อวัดไร่ขิง และหลวงพ่อโตวัดบางพลีเข้าไปด้วย


                                                      โบสถ์ปรกโพธิ์ วัดบางกุ้ง 
       
       นอกจากวัดบ้านแหลมแล้ว สมุทรสงครามยังมีวัดเก่าแก่งดงามอีกหลายวัดด้วยกัน เช่น “วัดบางกุ้ง” ซึ่งมี “โบสถ์ปรกโพธิ์” โบสถ์ที่ถูกปกคลุมด้วยรากไม้จนดูร่มครึ้ม ผสมกับความขรึมขลังออกมาเป็นความงามที่ลงตัว จนได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ 
      ส่วนที่ “วัดบางกะพ้อม” ก็มีความน่าสนใจตรงที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นในสมัย ร.3 “วัดภุมรินทร์กุฎีทอง” มีกุฏิไม้ริมน้ำสร้างด้วยไม้สักทอง ภายในเขียนลายรดน้ำไว้อย่างงดงาม และมีพิพิธภัณฑ์เก็บข้าวของโบราณล้ำค่าต่างๆ “วัดอัมพวันเจติยาราม” ซึ่งตั้งอยู่ติดกับอุทยาน ร.2 ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความน่าสนใจตรงที่ภายในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โปรดเกล้าฯ ให้เขียนขึ้น เพื่อแสดงเรื่องราวพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของ ร. 2 และเรื่องราวในวรรณคดีที่ท่านทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น ซึ่งสมเด็จพระเทพฯก็ได้ทรงลงมือวาดด้วยพระองค์เองด้วย
    ไม่เพียงวัดไทยเท่านั้น ที่นี่ยังมีโบสถ์คริสต์นิกายคาทอลิก “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” หรือ “โบสถ์บางนกแขวก” ที่สร้างขึ้นในสมัย ร. 5 งดงามด้วยสถาปัตยกรรมกอธิค มียอดแหลมพุ่งเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในประดับด้วยภาพเขียนบนกระจกสีจากฝรั่งเศส วาดเป็นเรื่องราวของพระเยซูและประวัติพระแม่มารีอา 


                                          รอยพระพุทธบาทที่วัดบางกะพ้อม 


    มาถึงเมืองแม่กลองทั้งที หากไม่ได้ไปเที่ยวตลาดน้ำก็คงจะถือว่าพลาดอย่างแรง อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าที่จังหวัดนี้เต็มไปด้วยคลองซอยแยกหลายร้อยสาย และคลองเล็กคลองน้อยอีกนับพัน คนแม่กลองในอดีตจึงนิยมเดินทางสัญจรโดยทางเรือ ส่งผลให้เกิดตลาดและแหล่งชุมชนต่างๆ อยู่ริมน้ำ สำหรับตลาดน้ำที่โด่งดังที่สุดของสมุทรสงครามคงต้องยกให้“ตลาดน้ำอัมพวา” ที่นอกจากจะมีเรือพายของชาวบ้านที่นำเอาสารพัดอาหารของกินใส่เรือลอยลำมาขายแล้ว ก็ยังมีตลาดบกหรือห้องแถวไม้ริมน้ำที่ตั้งเรียงรายขายอาหารและของที่ระลึกเก๋ๆ แนวๆ ถูกใจวัยรุ่น นอกจากนั้นที่นี่ยังมีบริการเรือไปชมหิ่งห้อย ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน 
      ส่วนที่ “ตลาดน้ำบางน้อย” ก็เป็นตลาดน้ำเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งในอำเภอบางคนที ที่นี่เดิมจะมีเรือพายมาขายของกันหนาแน่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียงร้านค้าในห้องแถวไม้ริมน้ำที่เปิดเป็นร้านรวงต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ที่เงียบสงบ บางมุมของตลาดเปิดเป็นร้านกาแฟน่ารักๆ ให้ได้นั่งพักชมบรรยากาศริมน้ำ ขอแนะนำผู้ที่ไม่ชอบความพลุกพล่านของตลาดน้ำอัมพวาให้ลองมาสัมผัสบรรยากาศของที่นี่ 


                                                    อาสนวิหารแม่พระบังเกิด หรือ โบสถ์บางนกแขวก


    แต่หากใครชอบตลาดน้ำแบบวิถีชาวบ้านจริงๆ ต้องมาที่ “ตลาดน้ำท่าคา” ที่ยังคงกำหนดวันติดตลาดโดยยึดเอาข้างขึ้นข้างแรมเป็นหลัก คือวันข้างขึ้น-แรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ รวม 6 วันด้วยกัน และเพื่อเหตุผลทางการท่องเที่ยว ทางตลาดน้ำท่าคาจึงเปิดให้มีตลาดในวันเสาร์-อาทิตย์เพิ่มเติมขึ้น ในวันดังกล่าวชาวบ้านจะนำเอาสินค้าจากสวนของตัวเองใส่เรือพายมาที่ตลาดแต่เช้า เพื่อมาขายและซื้อของที่ต้องการกลับไปที่บ้าน ในคลองท่าคาจึงเต็มไปด้วยเรือพายของคุณลุงคุณป้าชาวสวนได้บรรยากาศแบบดั้งเดิมไม่ต้องปรุงแต่ง หากใครอยากสัมผัสต้องมาแต่เช้าสักหน่อย เพราะเที่ยงๆ ตลาดก็เริ่มจะวายแล้ว ส่วนการชมหิ่งห้อยที่ตลาดท่าคาก็มีเช่นกัน แถมยังเป็นการนั่งเรือพายที่ได้บรรยากาศของการดูหิ่งห้อยที่สงบและสวยงามจริงๆ และยิ่งหากได้มาพักที่โฮมสเตย์ที่มีอยู่มากมายหลายแห่งให้เลือกได้ตามความพอใจและตามงบประมาณแล้ว ก็จะทำให้การมาเยือนเมืองสมุทรสงครามสมบูรณ์ยิ่งขึ้น 


                                       ตลาดน้ำอัมพวา แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของสมุทรสงคราม


   ส่วนตลาดอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่น้อย แม้จะไม่ใช่ตลาดน้ำก็ตาม นั่นก็คือตลาดแม่กลอง “ตลาดร่มหุบ” ที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองริมทางรถไฟใกล้กับสถานีรถไฟแม่กลอง พ่อค้าแม่ค้าจะตั้งแผงสองข้างทางรถไฟ กางร่มกันซ้อนกันจนบังทางรถไฟไว้หมด ดังนั้นเมื่อรถไฟจากสถานีมหาชัยวิ่งมายังสถานีแม่กลอง เราจึงได้เห็นภาพโกลาหลที่พ่อค้าแม่ค้าพากันเก็บตะกร้ากระจาดรวมทั้งหุบร่มที่กางไว้บนทางรถไฟ และเมื่อรถไฟผ่านไปแล้วข้าวของเหล่านั้นก็จะถูกจัดให้เข้าสู่สภาพเดิมของตลาด ถือเป็นความสามารถพิเศษของพ่อค้าแม่ค้า และเป็นเสน่ห์ของตลาดแห่งนี้ด้วย


                         ห้องแถวเรือนไม้ของตลาดบางน้อย


มาเที่ยวอย่างเดียวก็ยังไม่จุใจ ต้องได้ชิมของดีของอร่อยด้วยจึงจะสมบูรณ์ สำหรับของกินขึ้นชื่อของสมุทรสงคราม ต้องไปที่ “ดอนหอยหลอด” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของที่นี่ โดยเป็นสถานที่ตากอากาศที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชม พร้อมกับมากินอาหารทะเลอร่อยๆ โดยมีเมนูขึ้นชื่ออย่าง “หอยหลอดผัดฉ่า” เป็นอาหารจานเด็ดที่แทบทุกคนต้องสั่ง หรือใครไม่อยากกินเพียงอย่างเดียว แต่อยากลงไปลองจับหอยหลอดในทะเลก็สามารถทำได้ เพียงติดต่อกับเรือที่รอรับนักท่องเที่ยวในบริเวณนั้น


                         มุมร้านกาแฟเก๋ๆ ที่ตลาดน้ำบางน้อย


 “ปลาทูแม่กลอง” ก็เป็นอีกหนึ่งของดี มีเอกลักษณ์ตรงที่ “หน้างอ คอหัก” จังหวัดสมุทรสงครามบริเวณอ่าวไทยมีชัยภูมิที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยและหากินของปลาทู เพราะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุและอาหารของปลาทู และทำให้ปลาทูเมืองนี้จึงมีรสอร่อยกว่าที่อื่น เพราะมีเนื้อแน่น มัน จนคนกินต่างยกให้ปลาทูแม่กลองเป็นราชาแห่งปลาทู ที่สามารถนำไปทำอาหารได้สารพัดอย่าง


                          ตลาดน้ำท่าคา มีเอกลักษณ์ตรงการติดตลาดตามเวลาข้างขึ้นข้างแรม 
       
       พืชพันธุ์ที่เมืองสมุทรสงครามนั้นก็ปลูกได้งาม เพราะมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ที่เห็นกันทั่วไปในจังหวัดก็คือ “มะพร้าว” ที่ปลูกกันตามท้องร่องในสวน ทำให้ชาวสวนมีรายได้ทั้งจากการขายผลมะพร้าว และนำมาแปรรูปเป็นน้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลปึก น้ำตาลปี๊บ ส่งขายเป็นสินค้าสำคัญในแถบนี้ 


                                       หอยหลอด ที่นำไปทำเป็นเมนูจานเด็ดอย่างหอยหลอดผัดฉ่า


นอกจากมะพร้าวแล้ว สมุทรสงครามยังมีผลไม้ขึ้นชื่ออย่าง “ลิ้นจี่” พันธุ์ “อีค่อม” ซึ่งมีผู้นำมาปลูกที่อัมพวาตั้งแต่ปี 2397 ด้วยลักษณะต้นที่ไม่ใหญ่นัก แต่ให้ผลดกเต็มต้น ผู้ปลูกจึงให้ชื่อลิ้นจี่พันธุ์นี้ว่าอีค่อม ซึ่งให้ผลที่มีเนื้อเยอะกรอบ รสหวานหอม เปลือกบาง เม็ดเล็ก เวลาแกะเปลือกออกมาเนื้อจะแห้ง ไม่มีน้ำ ส่วนผิวจะมีสีแดงสดสม่ำเสมอทั่วทั้งลูก


                          บรรยากาศท้องร่องสวนที่เต็มไปด้วยต้นมะพร้าว  
       
       ทุกวันนี้ลิ้นจี่อีค่อมต้นแรกที่มีอายุถึง 157 ปี แล้วนั้น ยังคงมีชีวิตอยู่ในสวนที่ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา โดยชาวบ้านในละแวะนั้นให้เกียรติยกเป็น “คุณทวดค่อม” ส่วนใครอยากชิมลิ้นจี่อีค่อมของแท้ ทางจังหวัดสมุทรสงครามก็ได้จัดงานเทศกาลลิ้นจี่ขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนเมษายน รอไปชิมกันได้...



ที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น