วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

ชวนชิมของดี “เทศกาลลิ้นจี่ของดีสมุทรสงคราม

ชวนชิมของดี “เทศกาลลิ้นจี่ของดีสมุทรสงคราม 




   ททท.สมุทรสงคราม ชวนมาชิมลิ้นจี่ ราชินีแห่งผลไม้ของ จ.สมุทรสงคราม ในงาน “เทศกาลลิ้นจี่ของดีสมุทรสงคราม 2555” ระหว่างวันเดือน มี.ค.- เม.ย. ของทุกปี ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม

      นางสาวอังคณา พุ่มผกา ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม (สมุทรสงคราม นครปฐม สมุทรสาคร) เปิดเผยว่า จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นจังหวัดเล็กๆ แต่อุดมสมบูรณ์ด้วยผลไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะพบกับผลไม้อันเลื่องชื่อ นอกจากส้มโอแล้วนั่นก็คือ ลิ้นจี่ ซึ่งถือเป็นราชินีแห่งผลไม้ของจังหวัดสมุทรสงคราม จนได้รับการยกย่องให้เป็น “ยอดลิ้นจี่” โดยเฉพาะลิ้นจี่พันธุ์ “ค่อม” ซึ่งเป็นที่นิยมกันทั่วไป มีลักษณะเด่นคือ “หนามตั้ง หนังตึง เนื้อเต่ง ร่องชาด” หมายถึง เมื่อแก่เต็มที่จะมีสีแดงเข้ม เปลือกแข็ง ตุ่มค่อนข้างแหลม เปลือกด้านในจะมีสีชมพู มีกลิ่นหอม หวาน เนื้อแห้งร่อนไม่ติดเมล็ด เนื้อสีขาวหรือขาวนวล เมล็ดเล็ก บ่าของผลกว้างสวยเป็นรูปหัวใจ รสชาติเข้มจัด หวานนำเปรี้ยวตามเล็กน้อย กลมกล่อม และเพื่อเป็นการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวและอาชีพของเกษตรกร จังหวัดสมุทรสงคราม จึงร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้กำหนดจัดงาน เทศกาลลิ้นจี่ของดีสมุทรสงคราม”  จะมีขึ้นในระหว่างเดือน มีนาคม- เมษายน ของทุกปี ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม



       
       สำหรับการจัดงานฯ ในปีนี้เปิดให้เกษตรกรชาวสวนเป็นผู้จำหน่ายลิ้นจี่โดยตรง มีสถานที่จัดงานหลักคือ บริเวณศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ การประกวดธิดาลิ้นจี่ การประกวดผลผลิตทางการเกษตร การจำหน่ายลิ้นจี่ ผลไม้ต่างๆ สินค้าธงฟ้าและสินค้า OTOP
       
       ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่จะเลือกซื้อ เลือกชิมได้ภายในงานนี้ หรืออาจจะแวะไปเลือกซื้อได้ที่ถนนผลไม้ตำบลแควอ้อม วัดอินทาราม วัดบางกุ้ง วัดปราโมทย์ และวัดบางเกาะเทพศักดิ์ ซึ่งมีการจัดงานเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสวนลิ้นจี่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเลือกซื้อ เลือกชิม และเที่ยวชมภายในสวนตลอดเดือนเมษายนได้อีกด้วย


ลิ้นจี่ ราชินีผลไม้แห่งสมุทรสงคราม
      ความอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย ทำให้มีผลไม้ทั่วทุกภูมิภาค ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกผลผลิตให้คนไทยและชาวโลกได้สัมผัสกับความอร่อยที่หลากหลายตลอดทั้งปี ไม่ซ้ำแบบกัน แต่ละพื้นที่จะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว เช่น ที่สมุทรสงคราม ยามเข้าหน้าร้อนจะมีผลไม้พิเศษชนิดหนึ่ง ที่สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้ท้องถิ่นด้วยรสชาติที่หวานหอม กรอบ อร่อย ทำให้ใครได้ชิมแล้วต้องติดใจ จนบอกได้ว่านี่คือ “สุดยอดลิ้นจี่ของสมุทรสงคราม”
   ถิ่นกำหนดของลิ้นจี่มาจากประเทศจีนตอนล่าง สันนิษฐานว่าลิ้นจี่เข้ามาในประเทศไทยโดยทางเรือ ตั้งแต่ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเรื่องที่แปลกที่ว่าลิ้นจี่เมืองไทยมีแหล่งปลูก 2 แห่ง คือ ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา และอีกแห่งหนึ่งลงมาที่ภาคกลางตอนล่าง คือ จังหวัดสมุทรสงคราม ลิ้นจี่ที่ปลูกต่างพื้นที่ จะมีความแตกต่างกัน
           ลิ้นจี่เมืองสมุทรสงคราม เป็นพันธุ์ที่ติดดอกออกผลได้โดยไม่ต้องการอากาศที่หนาวเย็นมากนัก ได้แก่ พันธุ์ค่อม กะโหลก สำเภาแก้ว และสาแหรกทอง ลิ้นจี่สมุทรสงครามจะสุกประมาณเดือนเมษายน พื้นที่พิเศษของเมืองสมุทรสงคราม เมืองสามน้ำ ที่มีเพียง 3 อำเภอ แต่ในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ต้นลิ้นจี่ และส้มโอ เต็มพื้นที่ประมาณ 8,600 ไร่ ให้ผลิตผลิตปีละ ประมาณ 4,000 ตัน ตามสภาพความเอื้ออำนวยของดินฟ้าอากาศ


    ด้วยสภาพพื้นดินสมุทรสงครามมีความอุดมสมบูรณ์ แบบลักจืดลักเค็ม หรือน้ำกร่อยทำให้ลิ้นจี่มีรสชาติดี โดยเฉพาะลิ้นจี่พันธุ์ค่อมเมื่อสุกเต็มที่จะมีสีแดงเข้ม เปลือกแข็ง ตุ่มค่อนข้างแหลม เปลือกด้านในจะมีสีชมพู มีกลิ่นหอม หวาน เนื้อแห้งร่อนไม่ติดเมล็ด เนื้อสีขาวหรือขาวนวล เมล็ดเล็ก บ่าของผลกว้างสวยเป็นรูปหัวใจ รสชาติเข้มจัด หวานนำเปรี้ยงตามเล็กน้อย กลมกล่อมพอดี ๆ สมกับราชินีของผลไม้ไทย
    การปลูกลิ้นจี่ต้องอาศัยประสบการณ์ ความเป็นเกษตรมืออาชีพพอสมควร เริ่มจากการเลือก กิ่งตอน ตัดตา ทาบกิ่ง ขุดหลุมปลูก ดูแลรักษา กว่าจะให้ผลผลิตได้ต้องใช้เวลา 4-5 ปี จึงจะเริ่มติดดอกออกผลให้ผลผลิตปีละครั้ง เกษตรกรต้องเฝ้าระวัง ใส่ปุ๋ย กำจัดแมลง และดูแลจนกว่าจะเปลือก "ร่องชาด" หมายถึงลิ้นจี่จะสุกเต็มที่มีสีแดงเข้าปนชมพู จึงจะเก็บผลผลิตออกสู่ตลาด

   ลิ้นจี่เป็นไม้ยืนต้น จัดอยู่ในตระกูล   Sapindaceae  เป็นไม้กึ่งเมืองหนาว   เป็นพืชตระกูลใหญ่ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า litchi chinensis และมีชื่อสามัญว่า litchi
 มีหลักฐานยืนยันได้ว่าสมุทรสงคราม เป็นลิ้นจี่ที่มาจากเมืองจีน โดยพ่อค้าชาวจีนได้นำผลลิ้นจี่เข้ามาขายหรือนำมาฝากญาติพี่น้อง ชาวจีนด้วยกันที่อาศัยอยู่ตามลุ่ม
 แม่น้ำแม่กลองและแควอ้อมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งในขณะนั้นแม่กลองเป็นเมืองหนึ่งที่ขึ้นอยู่มณฑลราชบุรี หรือที่ทำการของมณฑลราชบุรีในสมัยนั้น ลิ้นจี่ที่ปลูก
 ครั้งแรกพบว่ามีการปลูกกันตั้งแต่ปี พ.ศ.2340 ที่ตำบลบางสะแก อำเภอบางคนทีและที่ตำบลเหมืองใหม่อำเภออัมพวา และยังคงมีต้นลิ้นจี่ที่มีอายุถึง 200 ปี ให้เห็นในทุกวันนี้ รวมพื้นที่เพาะปลูกลิ้นจี่ทั้งสิ้น ประมาณ 5,380 ไร่พันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากจนทำชื่อให้กับจังหวัดสมุทรสงคราม คือ พันธุ์ค่อมลำเจียกแต่ก็ยังมีพันธุ์อื่นๆด้วย เช่น กะโหลก ใบยาว จีน ไทย สำเภาแก้ว และสาแหรกทอง


สุดยอดลิ้นจี่แม่กลอง
            เป็นเวลากว่าร้อยปีที่ชาวสานลิ้นจี่แม่กลองสามารถพัฒนาสายพันธุ์สีส้ม รสชาติ จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างความโดดเด่นของตนเอง โดยเป็นความโดดเด่นในแง่ของรสชาติของลิ้นจี่พันธุ์ ค่อม  ผู้เป็นราชินีแห่งลิ้นจี่เมืองแม่กลองเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่นในภาคกลางและภาคเหนือ นอกจากนี้ โดยที่ลักษณะของต้นลิ้นจี่ของจังหวัดสมุทรสงคราม
 ไม่ค่อยสูง เป็นพุ่มแจ้ให้ผลดก จึงได้ชื่อว่า ค่อม หรือ อีค่อม
 ลักษณะเด่นของลิ้นจี่พันธุ์ค่อมสมุทรสงคราม
 1.ผลลิ้นจี่จะมีสีแดงสด ค่อนข้างกลม มีลักษณะบ่าสูง
 2.หนามตั้ง เมื่อผลลิ้นจี่แก่จัดได้ที่ หนามลิ้นจี่จะไม่แหลมสูง แต่จะมีลักษณะราบลงและ อยู่ห่างกันไม่เป็นกระจุก 3.หนังตึง ลิ้นจี่ที่แก่จัดได้ที่จะมีสีแดงสด (เข้มเหมือนสีน้ำหมาก)
 ค่อนข้างกลมไหล่ผลจะสูงลักษณะขอบเปลือกบางตึง
 4.เนื้อเต่ง เนื้อลิ้นจี่จะมีสีขาวขุ่น เนื้อหนากรอบ เนื้อแห้งไม่แฉะ มีกลิ่นหอม รสหวาน 
 5.ร่องชาด คำนี้เป็นภาษาของชาวสวนหมายถึง สีของเปลือกด้านในของลิ้นจี่เมื่อปลอกเปลือกออกแล้วจะเป็นเห็นเป็นสีชมพูตั้งแต่ขั้วผลจนถึงกลางผลจะเป็นลิ้นจี่ค่อมที่มีรสชาติ
 อร่อยที่สุด แต่ถ้าเปลือกด้านในเป็นสีชมพูทั้งผลสีแดงว่าลิ้นจี่นั้นแก่จัดเกินไป รสชาติจะอร่อยน้อยลง


   ทั้งนี้ลิ้นจี่สมุทรสงครามเมื่อจัดได้ที่ จะมีสีเข้มเกือบดำ ซึ่งเป็นไปโดยธรรมชาติของผลไม้ไม่ใช่เป็นลิ้นจี่ ที่ใกล้จะเน่าเสียแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้บริโภคเห็นว่าลิ้นจี่สมุทรสงคราม
 มีสีเข้มเกือบดำ โปรดอย่าเข้าใจว่าเป็นของเก่าหรือใกล้จะเน่าเสีย เพราะถึงแม้เปลือกของลิ้นจี่จะมีสีเกือบดำแต่ก็ยังรับประทานได้และมีรสชาติหวานอร่อย

 วิธีเก็บรักษาลิ้นจี่
     เมื่อซื้อลิ้นจี่มาแล้ว ให้เก็บไว้ในที่ชื้น โดยไม่ต้องมัดปากถุง เพื่อให้น้ำในถุงระเหยได้ไม่ทำให้ผลลิ้นจี่เน่า แต่หากวางลิ้นจี่ไว้ในอุณหภูมิห้อง ลิ้นจี่ถูกลมแสงประมาณ 2 ช.ม. สีผิว
 จะเปลี่ยนเป็นดำแห้งแต่รสชาติจะยังหวานอร่อยเหมือนเดิมและถ้าเก็บรักษาในตู้เย็นสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นสัปดาห์ แต่รสชาติความหวานจะลดน้อยลง

 ถนนผลไม้เมืองสมุทรสงคราม
 1.วัดภุมรินทร์
  ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา เริ่มงาน วันที่ 25 มีนาคม 2552
 2.วัดบางเกาะเทพศักดิ์
 ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เริ่มงาน วันที่ 1-30  เมษายน  2552
 3.ตลาดสมัชชาแม่กลอง
 ตำบลบางแก้ว   อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม    เริ่มงาน วันที่ 1-30  เมษายน  2552
 4.วัดอินทาราม 
 ตำบลเหมืองใหม่   อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เริ่มงาน วันที่ 1-30  เมษายน  2552
 5.วัดปราโมทย์ 
 ตำบลบ้านปราโมทย์   อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เริ่มงาน วันที่ 1-30  เมษายน  2552
 6.ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม  
 ตำบลแม่กลอง   อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม    เริ่มงาน วันที่ 3-15 เมษายน  2552
 7.วัดโบสถ์
 ตำบลบางกุ้ง   อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เริ่มงาน วันที่ 5-15  เมษายน  2552
 8.วัดอัมพวันเจติยาราม
 ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เริ่มงาน วันที่ 5-15  เมษายน  2552
 Tip: ถึงแม้ผิวของลิ้นจี่จะแห้งกรอบและมีสีน้ำตาลเข้ม แต่รสชาติของลิ้นจี่ค่อมสมุทรสงคราม จะยังหวานอร่อยเช่นเดิม

   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม โทร 0-3471-1711 หรือ ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม โทร.0-3475-2847-8 E-mail : tatsmsk@tat.or.th หรือ TAT Call Center 1672





ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:

คุณสุรจิต  ชิรเวทย์  (สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสมุทรสงคราม)
www.pyjclub.com 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น